หลักสูตร Business Model Canvas (BMC)
คุณวิชัย แสงหิรัญวัฒนา (อาจารย์โหงว)
Business Model Canvas (BMC) จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสร้างโมเดลที่ทำให้สินค้าใหม่ ๆ ของคุณแจ้งเกิดได้ในตลาด โดยคุณจะสามารถนำเสนอได้บนกระดาษแผ่นเดียว
จะดีกว่าหรือไม่ถ้าคุณมีเครื่องมือที่ใช้ออกแบบโมเดลทางธุรกิจ ที่จะทำให้คุณและทีมงานร่วมกันออกแบบ และนำเอาไอเดียมาสร้างสินค้า และบริการเจ๋ง ๆ ออกสู่ตลาดแล้วทำยอดขาย และกำไรอย่างมหาศาล เพราะลูกค้าต่างก็รักมัน พร้อมที่จะซื้อซ้ำและบอกต่อให้กับคนอื่น ๆ มาเป็นลูกค้าของคุณ
Business Model Canvas (BMC) จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสร้างโมเดลที่ทำให้สินค้าใหม่ ๆ ของคุณแจ้งเกิดได้ในตลาด โดยคุณจะสามารถนำเสนอได้บนกระดาษแผ่นเดียว เพื่อนำเอามันไปใช้ในการสื่อสารกับนักลงทุน ทีมงานฝ่ายผลิต นักพัฒนา บัญชี และการเงิน รวมทั้งนักการตลาดเพื่อจะได้นำไปสร้างสินค้า และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และวางจำหน่ายในช่องทางที่เหมาะสม
เหตุใดจึงต้องมี Business Model
หลาย ๆ องค์กรตั้งแต่องค์กรใหญ่ขนาดมหาชนไปจนถึง SME ไปจนถึง Startup ในปัจจุบันต้องการไอเดียสินค้าหรือธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อให้อยู่รอดในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน แต่การมีไอเดียที่ว้าวฟังดูดีก็ไม่หมายความว่าสินค้านั้นจะประสบความสำเร็จ ไอเดียธุรกิจที่ดีต้องคู่กับโมเดลทางธุรกิจที่ดีด้วย
เมื่อไอเดียเจ๋ง ๆ ของคุณถูกนำออกไปสู่ตลาด แต่ถ้ามันไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้กับลูกค้าของคุณเลย ไอเดียนั้นก็กลายเป็นความล้มเหลว และถึงแม้สินค้าของคุณตอบโจทย์ลูกค้าของคุณ และพวกเขาก็รักมัน แต่คุณไม่สามารถทำกำไรจากมันเพื่อนำมาขยายต่อยอดธุรกิจได้ สุดท้ายธุรกิจของคุณก็จะไม่โตหรือที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ต้องเลิกกิจการไป
Key Learning Point
1. Business Purpose
- การตั้งวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ช่วยให้มีหลักเกณฑ์และแรงบันดาลใจในการคิดไอเดียที่สร้างสรรค์
- แนวทางในการเขียน Business Purpose ที่จะสะท้อนถึงเป้าหมายของธุรกิจที่จะนำไปสร้างธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
2. องค์ประกอบของ BMC
- องค์ประกอบทั้ง 9 องค์ประกอบที่เป็นโมเดลในการส่งมอบสินค้าและบริการให้ได้ตามวัตถุประสงค์ทางธุรกิจที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้สินค้าและบริการได้
3. ลูกค้าและคุณค่าที่ส่งมอบ (Customer Segmentation and Value Proposition)
- การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ธุรกิจต้องการทำตลาด
- การกำหนดคุณสมบัติของสินค้าและบริการที่จะมอบคุณค่าที่สูงสุดเท่าที่จะทำได้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย
- การจัดกลุ่มเป้าหมายมีกี่ประเภท และประเภทไหนเหมาะกับธุรกิจประเภทไหนบ้าง
- การกำหนดคุณค่าที่ส่งมอบ (Value Proposition) ที่โดนใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
4. ช่องทางการสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Channels and Customer Relationships)
- การดึงดูดให้เป้าหมายกลายมาเป็นลูกค้าเราและเก็บรักษาลูกค้าเหล่านั้นให้อยู่กับเราตลอดไปหรือนานที่สุด โดยผ่านช่องทางการสื่อสารที่เรียกว่า Channel
- วิธีการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship)
- ขั้นตอนการซื้อสินค้าและบริการของลูกค้าในปัจจุบัน
- รูปแบบของช่องทางการสื่อสารและการส่งมอบคุณค่าที่โดนใจในแต่ละขั้นตอนจนกระทั่งลูกค้าตัดสินใจซื้อ (Customer Journey Map)
- วิธีการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะสั้นและระยะยาวรวมทั้งการที่จะทำให้ลูกค้าของเรากลายเป็นเซลล์แมนที่จะบอกต่อและขายสินค้าให้กับผู้ที่รู้จักแทนเราด้วย
5. ทรัพยากร กิจกรรม และ คู่ค้า (Key Resources, Key Activities and Key Partners)
- เรียนรู้การมองและวางองค์ประกอบกิจกรรมหลักของทรัพยากรภายในและภายนอก (คู่ค้า) ผนวกกับกิจกรรมหลักของทรัพยากรเหล่านั้นที่จะผลิตและส่งมอบสินค้าและบริการให้กับลูกค้าในกลุ่มเป้าหมาย
6. โครงสร้างต้นทุนและแหล่งรายได้ (Cost Structure and Revenue Streams)
- รายได้ (Revenue Streams) และโครงสร้างต้นทุน (Cost Structure)
- เข้าใจถึงโมเดลการหารายได้จากสินค้าและบริการ และเข้าใจถึงต้นทุนในการผลิตและส่งมอบ
- วิธีการหารายได้จากสินค้าและบริการในปัจจุบันที่เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจที่มีอยู่หลาย ๆ รูปแบบในปัจจุบัน
- การมองภาพต้นทุนหลักให้ครบถ้วนเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในด้านการคิดราคาสินค้าที่จะก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจเนื่องจากต้นทุนที่สูงเกินกว่าราคาขาย
7. เชื่อมโยงทั้ง 9 ช่องเข้าด้วยกัน
- การทบทวนความสัมพันธ์และความสอดคล้องของทุกๆช่องในโมเดล
- การตรวจสอบกิจกรรมและการจัดสรรทรัพยากรที่สำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความสำเร็จของการผลิตและส่งมอบสินค้าและบริการ
- การพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสำคัญอย่างถี่ถ้วน ซึ่งจะทำให้ทุก ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเกิดความชัดเจนตลอดกระบวนการดำเนินธุรกิจและไม่เกิดความสูญเสียโดยไม่จำเป็น
8. เล่าภาพให้เป็นเรื่อง (Story Telling)
- การนำเสนอผู้อื่นที่ไม่มีส่วนร่วมในการทำ BMC ตั้งแต่แรก ให้ผู้อื่นเข้าใจโมเดลธุรกิจที่เขียนขึ้นมา
- การฝึกการอธิบายโมเดลผ่านการเล่าโมเดลให้เป็นเรื่องราว (Story Telling)
- วิธีการโน้มน้าวผู้ฟังให้เข้าใจถึงโมเดลที่เราสร้างขึ้นมาผ่านการเล่าเรื่อง
9. การทดสอบสมมติฐาน (Assumptions Testing)
- การสอบทาน (Verify) สมมติฐาน
- ตั้งสมมติฐาน หาวิธีในการวัด และการตั้งเกณฑ์การวัด
- สำรวจสมมติฐานกับกลุ่มตัวอย่างจริงใน customer segment ที่เลือก
- วิธีการออกแบบทดสอบสมมติฐานและการทดสอบสมมติฐาน
10. ออกแบบเวอร์ชั่นใหม่ (Designing New Versions)
- การปรับแต่ง BMC ให้เหมาะสมและใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น
- การนำเอาข้อมูลที่ได้จากการทดสอบมาปรับปรุง BMC ในแต่องค์ประกอบทั้ง 9 ส่วน
Key Outcome Point
- เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของโมเดลธุรกิจ (Business Model)
- สามารถตั้งวัตถุประสงค์ทางธุรกิจได้อย่างมีหลักเกณฑ์
- เข้าใจองค์ประกอบโมเดลในการส่งมอบสินค้าและบริการ
- สามารถกำหนดคุณสมบัติของสินค้าและบริการที่จะมอบได้อย่างถูกต้อง
- สามารถกำหนดรูปแบบของช่องทางการสื่อสารและการส่งมอบคุณค่าที่โดนใจ
- สามารถจัดทำ BMC ให้ทั้ง 9 ช่องเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน
- สร้างโมเดลธุรกิจของสินค้า นวัตกรรม ใหม่ ๆ เพื่อส่งต่อคุณค่าของสินค้าและบริการให้กับลูกค้าในกลุ่มเป้าหมาย
คุณวิชัย แสงหิรัญวัฒนา (อาจารย์โหงว)
ประกอบด้วย
ประกอบด้วย